สารอาหารและอาหารที่ควรรับประทานเป็นประจำเพื่อบำรุงดวงตา

สารอาหารและอาหารที่ควรรับประทานเป็นประจำเพื่อบำรุงดวงตา

กลุ่มวิตามินบี

ไม่ว่าวิตามินชนิดไหนก็ล้วนแต่เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพของดวงตาทั้งสิ้น เนื่องจากวิตามินบีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ดังนั้นถ้าเลือกประกอบอาหารด้วยวิธีการต้มแล้วเทน้ำทิ้งก็จะสูญเสียวิตามินไปด้วย จึงควรเปลี่ยนไปปรุงอาหารด้วยวิธีอื่นๆ ที่จะได้รับประทานน้ำซุปด้วย เช่น นึ่ง

- วิตามินบี 1

     เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นพลังงานของเซลล์ หากมีไม่เพียงพอจะส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทตา

     แหล่งที่พบ เนื้อหมู ปลาไหล ถั่วเหลือง ปลาแซลมอล ไข่ปลา เป็นต้น

- วิตามินบี 6

     ช่วยในการเผาผลาญไขมันและโปรตีน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาระบบประสาทตาและสภาพผิวให้เป็นปกติด้วย

     แหล่งที่พบ กระเทียม ปลามากุโระ ตับ เนื้อไก่ ปลาซัมมะ ปลาอาจิ(ปลาทูญี่ปุ่น) ปลาอิวาชิ (ปลาซาร์ดีน) เป็นต้น

- วิตามินบี 2

     ช่วยเผาผลาญไขมันและส่งเสริมการสร้างเซลล์ใหม่ผลัดเซลล์เก่าอย่างมาก เป็นสารอาหารที่ขาดไม่ได้สำหรับการรักษาอาการสายตาล้า

      แหล่งที่พบ ตับ ปลาอิคานาโกะ(ปลากะงชนิดหนึ่ง) ปลาไหล ถั่วหมัก เห็ดไมตาเกะ เป็นต้น

DHA (Docosahexaenoic acid)

     กรดไขมันที่อยู่ในจอตานั้นเป็น DHA ถึง 50-60% DHA ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้เซลล์รับภาพที่ประกอบขึ้นเป็นจอตาและทำให้การส่งข้อมูลจากประสาทการมองเห็นไปยังสมองเป็นไปอย่างราบรื่น จึงเป็นสารอาหารที่ไม่ควรขาดอย่างยิ่ง

     แหล่งที่พบ ปลาแซลมอน ปลามากุโระ ปลาอาจิ ปลาอิวาชิ ปลาซาบะ ปลาไหล

สังกะสี (Zinc)

      ที่จอตานั้นนอกจาก DHA แล้วยังประกอบด้วยสังกะสีอีกเป็นจำนวนมาก สังกะสีช่วยรักษาระดับของวิตามินเอซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพดวงตาในกระแสเลือดให้เป็นปกติ และยังช่วยให้ตับส่งวิตามินเอไปยังดวงตาได้อย่างพอเพียง

      แหล่งที่พบ หอยนางรม ตับ โกโก้ (ไม่ใส่น้ำตาล) ปลาตัวเล็กๆ ตากแห้ง เห็ดชิตาเกะตากแห้ง เป็นต้น

แอนโทไซยานิน (Anthocyanin)

      โพลีฟีนอล (Pholyphenols) ประเภทหนึ่งเป็นองค์ประกอบในกระบวนการสร้างสารโรดอปซิน (Rhodopsin) ซึ่งอยู่ในเซลล์รับภาพ หากสารโรดอปซินไม่เพียงพอจะทำให้มองเห็นในที่มืดไม่ชัดและเกิดอาการตาล้าได้ง่าย

       แหล่งที่พบ บลูเบอรี่ เลมอน บิลเบอร์รี่ (Bilberry) พริกหยวก แครนเบอรี่ ลูกพรุน เชอรี่ เป็นต้น

วิตามินเอ

      วิตามินที่ละลายในไขมัน และถูกเรียกว่า เป็นวิตามินแห่งดวงตา ช่วยรักษาเยื่อบุของดวงตา รวมทั้งเซลล์จอตาและกระจกตาให้อยู่ในสภาพปกติ เราเรียกวิตามินที่ได้จากสัตว์ว่า เรตินอล (retinol) และเรียกวิตามินเอที่ได้จากพืชว่า เบต้าแคโรทีน

      แหล่งที่พบ เรตินอล: ตับ ไข่แดง นม เนย ชีส เป็นต้น

                        เบต้าแคโรทีน: พืชผักสีเขียวและสีเหลือง

วิตามินซี

      สารอาหารสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำงานของเลนส์ตา วิตามินซีช่วยรักษาระดับความโปร่งแสงของเลนส์ตาและป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียรุกล้ำเข้าไป นอกจากนี้ ยังเป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำเลี้ยงลูกตาอีกด้วย จึงควรรับประทานอย่างสม่ำเสมอ

      แหล่งที่พบ ผลไม้ตระกูลส้ม หรือผักที่มีสีเขียวและสีเหลือง เป็นต้น

สารลูทีน (Lutein)

      สารแคโรทีนประเภทหนึ่งซึ่งพบมากที่จอประสาทตา มีสรรพคุณช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีจึงเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อเลนส์ตาและจอประสาทตาซึ่งเป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลตได้ง่าย

      แหล่งที่พบ ผักที่มีสีเขียวและสีเหลือง โดยเฉพาะผักโขม แครอท โมโรเฮยะ (เป็นพืชกลุ่มเดียวกับปอกระเจา มีวิตามินซีสูง) ตั้งโอ๋ เป็นต้น

           เพื่อการดูแล และบำรุงสายตาให้ดีอยู่เสมอ เราควรทานอาหารเสริม หรือวิตามินเพื่อบำรุงดวงตาให้แข็งแรง ป้องกันโรคเกี่ยวกับสายตาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตโดยที่เราไม่รู้ตัว ขอแนะนำ Visionace ผลิตภัณท์บำรุงสายตาที่ได้รับการยอมรับ และขายดีที่สุดในยุโรป

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หนังสือ บริหารสมอง สายตาดี ไม่มีเสื่อม ผู้เขียน: Kazuhiro HOMBE