ระมัดระวังในการเสพโซเชียล เพื่อให้สายตาของท่าน
ได้รับการซ่อมแซมที่ดีและ ใช้การได้อีกยาวนาน

สาธารณสุขเตือนคนที่ชอบดู “จอ” ในที่มืดเสี่ยงต้อหินเล่นงาน โดยเฉพาะพวกที่ปิดไฟใช้ทีวี สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต มีสิทธิเพิ่มความดันในลูกตา อาจถึงขั้นตาบอดได้ ชี้อาการเตือนของความเครียด จะเริ่มรู้สึกแสบตา ตาแห้ง น้ำตาไหล กะพริบตาบ่อย ปวดเมื่อยล้าที่กระบอกตา สายตาพร่า มองเห็นไม่ชัด บางคนมีอาการปวดศีรษะไมเกรนร่วมด้วยแนะพักสายตาทุกครึ่งชั่วโมง หลับอย่างน้อย 7 ชั่วโมง ดื่มน้ำบ่อย ๆ
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่าวันที่ 6 มีนาคมของทุกปี เป็นวันต้อหินโลก ซึ่งโรคต้อหิน (Glaucoma) เป็นสาเหตุตาบอดอันดับ 2 ของโลก รองจากโรคตาต้อกระจก ประมาณการว่ามีคนตาบอดทั่วโลก 4.5 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นถึง 11.2 ล้านคนในปี พ.ศ.2563 ผู้ป่วยโรคต้อหินส่วนใหญ่ร้อยละ 90 มักจะไม่ค่อยรู้ตัวมาก่อน เนื่องจากโรคต้อหินมีอาการค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากสถิติสาธารณสุข ปี 2555 พบผู้ป่วยโรคต้อหิน ทั่วประเทศ 17,687 คน ชายหญิงพอ ๆ กัน พบมากสุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4,831 คน ภาคกลาง 4,352 คน กรุงเทพมหานคร 3,486 คน ภาคเหนือ 3,084 คน และภาคใต้ 1,934 คน โดยในคนปกติทั่วไปที่อายุ 40 ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นโรคต้อหินประมาณร้อยละ 1 ส่วนผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเป็นต้อหินมากถึงร้อยละ 5-7 หรือมากกว่าคนปกติ 5-7 เท่าตัว แนวโน้มผู้ป่วยโรคนี้จะมากขึ้นตามจำนวนผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งขณะนี้ไทยมีประมาณ 3.5 ล้านคน ได้กำชับให้โรงพยาบาลทั่วประเทศรณรงค์ให้ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจตาปีละ 1 ครั้งและผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป พบจักษุแพทย์ปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจหาโรคแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดปัญหาการสูญเสียการมองเห็นจากโรคต้อหินได้ และจัดบริการตรวจตาให้ผู้ป่วยเบาหวานทุกราย เพื่อค้นหาโรคและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ
นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญโรคตาประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า โรคต้อหิน เป็นกลุ่มโรคของดวงตา โรคนี้จะมีการทำลายเส้นประสาทตาจากหลายสาเหตุ ที่สำคัญคือเกิดจากความดันในลูกตาสูง ทั้งจากการสร้างน้ำในลูกตามากเกินไป หรือระบายออกน้อยเกินไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน หรือค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ คนเป็นจะไม่รู้ตัว มีผลให้ลานสายตาแคบลงเรื่อย ๆ จนสูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการรักษาโรคนี้และได้ผลดี ทั้งการใช้ยาหยอดตา เลเซอร์ ผ่าตัด มีเครื่องมือที่สอดไปเพื่อระบายน้ำในลูกตา แต่การพบและรักษาอย่างทันท่วงทีเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหากปล่อยไว้สายตาจะไม่กลับคืนเป็นปกติตลอดชีวิต
ที่น่าห่วงอย่างยิ่งคือ สาเหตุอีกอย่างของโรคต้อหินคือความเครียด ทำให้เกิดความดันลูกตาขึ้นได้ โดยเฉพาะจากการใช้งานเทคโนโลยีมากขึ้นจนทำให้เกิดปัญหาที่เรียกว่า เทคโนโลยีซินโดรม ทำให้สายตาล้า แห้ง เพราะต้องเพ่งภาพหรือตัวอักษรที่มีขนาดเล็กในจอ การเพ่งจะทำให้ม่านตาขยายใหญ่ขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะผู้ที่นิยมปิดไฟดูทีวี เล่นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต การส่องไฟฉายอ่านหนังสือ ล้วนมีความเสี่ยง ยิ่งรายละเอียดเยอะ ตายิ่งทำงานหนัก
นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวว่า อาการเตือนของความเครียด จะเริ่มรู้สึกแสบตา ตาแห้ง น้ำตาไหล กะพริบตาบ่อย ปวดเมื่อยล้าที่กระบอกตา สายตาพร่า มองเห็นไม่ชัด บางคนมีอาการปวดศีรษะไมเกรนร่วมด้วย วิธีรักษาด้วยตนเอง สามารถทำได้ง่าย ๆ คือให้นอนหลับเป็นเวลา 7 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ซึ่งจะเป็นการรักษาที่ให้ผลดีที่สุด และดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อเพิ่มน้ำให้ตาให้ชุ่มชื้นขึ้น หรือทำประคบเย็น โดยให้ใช้ผ้าขนหนูหนาหรือผ้าเช็ดหน้าพับ 3 ส่วน นำไปแช่น้ำที่มีน้ำแข็งจนเย็น บิดหมาด ๆ วางปิดตั้งแต่ขมับให้ทับพาดผ่านดวงตา เว้นสันจมูก ไปถึงขมับอีกข้าง ถ้าเย็นเกินไปให้เอาออก หากหายเย็นให้นำไปแช่น้ำเย็นใหม่อีกครั้ง ติดต่อกันอย่างน้อย 20 นาที พัก 1 นาที วันละ 2 หน จะช่วยลดความเครียด เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาได้ นอกจากนี้ควรเปิดไฟดูทีวี การอ่านหนังสือในที่แสงสว่างเพียงพอ ใช้เทคโนโลยีเท่าที่จำเป็น ใช้ให้ปลอดภัยเหมาะสม คือประมาณ 25 นาที และให้พัก 5 นาที หรือใช้นาน 30 นาที และพัก 10 นาที เปลี่ยนอิริยาบถสลับกันไป และถ้าไม่จำเป็นอย่ายุ่งกับเทคโนโลยี ให้ควบคุมใจตัวเอง
ผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2551 พบคนไทย อายุ 6 ปีขึ้นไป ดูทีวี 57 ล้านคน และล่าสุดปี 2555 คนไทยใช้คอมพิวเตอร์ 21 ล้านกว่าคน ใช้โทรศัพท์มือถือ 44 ล้านกว่าคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดร้อยละ 84 ภาคกลางร้อยละ 75 ภาคเหนือร้อยละ 68 ภาคใต้ร้อยละ 67 ต่ำสุดภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 64
เพื่อการดูแล และบำรุงสายตาให้ดีอยู่เสมอ เราควรทานอาหารเสริม หรือวิตามินเพื่อบำรุงดวงตาให้แข็งแรง ป้องกันโรคเกี่ยวกับสายตาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตโดยที่เราไม่รู้ตัว ขอแนะนำ Visionace ผลิตภัณท์บำรุงสายตาที่ได้รับการยอมรับ และขายดีที่สุดในยุโรป
ที่มา : Eduzones
Link อ้างอิง